ข้อมูลวิชาการ
ดุอาประจำวันที่ 1 เดือนรอมฏอน พร้อมคำอธิบาย
อรรถาธิบายดุอาประจำวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน
โดย อยาตุลลอฮฺ มุจตะฮีดี้ (ร.ฮ.)
แปลและเรียบเรียง: ศิษย์เก่าดารุซซะฮ์รอ อ. (เชคมุฮัมมัดตะกี มาลาสา)

اللَّهُمَّ اجْعَلْ صِیَامِی فِیهِ صِیَامَ الصَّائِمِینَ
وَ قِیَامِی فِیهِ قِیَامَ الْقَائِمِینَ
وَ نَبِّهْنِی فِیهِ عَنْ نَوْمَةِ الْغَافِلِینَ
وَ هَبْ لِی جُرْمِی فِیهِ یَا إِلَهَ الْعَالَمِینَ
 وَ اعْفُ عَنِّی یَا عَافِیاً عَنِ الْمُجْرِمِینَ


 
اللَّهُمَّ اجْعَلْ صِیَامِی فِیهِ صِیَامَ الصَّائِمِینَ

โอ้อัลลอฮ์ โปรดทำให้ศีลอดของข้าฯเป็นศีลอดของบรรดาผู้ถือศีลอดทั้งหลายด้วยเถิด

ผู้ถือศีลอดคือใคร?
การถือศีลอดมีอยู่ 3 รูปแบบ:
1- การถือศีลอดแบบทั่วไป
2- การถือศีลอดแบบพิเศษ
3- การถือศีลอดแบบพิเศษที่สุด
1.การถือศีลอดแบบทั่วไป :
คือการถือศีลอดในรูปแบบที่ผู้คนทั่วไปถือกัน ไม่กินไม่ดื่ม แต่ทว่ายังมองไปยังเพศตรงข้ามอยู่ยังทำบาปอยู่ ยังไม่คลุมฮิญาบให้ถูกต้อง ดังนั้นศีลอดแบบทั่วไป คือการถือศีลอดที่ผู้ถือจะไม่ทำสิ่งที่ทำให้ศีลอดเป็นโมฆะและการถือศีลอดของเขาถือว่าใช้ได้.
2.การถือศีลอดแบบพิเศษ :
คือการถือศีลอดที่นอกจากการไม่กินไม่ดื่มแล้ว อวัยวะต่างๆของผู้ถือศีลอดยังถือศีลอดด้วยเช่นกัน ดวงตาของเขาจะปิดจากสิ่งที่เป็นบาป เวลาย่ำรุ่งเมื่อเขาจะถือศีลอด เขาจะตั้งเจตนาว่า
 
   “โอ้พระผู้อภิบาลของข้าฯ อวัยวะทุกส่วนของข้าฯจะทำการถือศีลอด หูของข้าฯจะไม่ฟังการนินทา จะไม่ฟังเสียงเพลงฮะราม ลิ้นของข้าฯจะไม่นินทา สายตาของข้าฯจะไม่มองเพศตรงข้าม
และ... นี่คือศีลอดพิเศษ” เมื่อเจ้าถือศีลอด หู ดวงตา ผิวหนัง ร่างกายของเจ้า ต้องถือศีลอด ใบหน้าและเส้นผมของสตรีจะต้องถือศีลอดด้วย ผมของบรรดาสตรีที่ต้องถือศีลอดหมายถึงเมื่อถือศีลอดจำเป็นที่พวกนางจะต้องรักษาฮิญาบของพวกนาง”
3.การถือศีลอดแบบพิเศษที่สุด
คือศีลอดที่อยู่เหนือศีลอดธรรมดาทั่วไป ศีลอดที่ไม่มีสิ่งใดอยู่ในหัวใจของผู้ถือเลยนอกจากเอกองค์อัลลอฮฺ(ซ.บ.)
หากในเดือนรอมฎอนหัวใจของเราไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ(ซ.บ.)
นมาซยามค่ำคืน    —> ในหัวใจเรามีเพียงอัลลอฮฺ(ซ.บ.)
นมาซญะมาอัต      —> ในหัวใจเรามีเพียงอัลลอฮฺ(ซ.บ.)
นั่งในมัจลิส           —> ในหัวใจเรามีเพียงอัลลอฮฺ(ซ.บ.)
เรียนหนังสือ          —> ในหัวใจเรามีเพียงอัลลอฮฺ(ซ.บ.)
ถือศีลอด               —> ในหัวใจเรามีเพียงอัลลอฮฺ(ซ.บ.)
หากในหัวใจเราไม่สนใจสิ่งใดเลยแม้แต่น้อยและทุกๆการกระทำก็เพื่อพระองค์เท่านั้น
การถือศีลอดแบบพิเศษที่สุดก็จะเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงวิงวอนต่อเอกองค์อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ว่า


اللَّهُمَّ اجْعَلْ صِیَامِی فِیهِ صِیَامَ الصَّائِمِینَ؛

“โอ้อัลลอฮฺ(ซ.บ.) โปรดทำให้ศีลอดของข้าฯเป็นศีลอดแบบพิเศษที่สุดด้วยเถิด”

       จงเปิดหัวใจที่เปี่ยมอีหม่านของพวกเราเพื่อรับการลงมาของบรรดามะลาอิกะฮ์ เราต้องทำให้หัวใจของเรามีที่ว่างเพื่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ในค่ำคืนแห่งลัยละตุลก็อดร์หรือรัตติกาลแห่งพลานุภาพหรือค่ำคืนเอียะฮฺยาอฺ เหล่าทูตสวรรค์มะลาอิกะฮ์จะลงมาสถิต ณ โลกดุนยา แต่กลับไม่พบสถานที่ใดในหัวใจของเราที่มีที่ว่างให้พวกเขาลงมาสถิตอยู่ นั่นเพราะว่าหัวใจของเราเต็มไปด้วย
 
        เรื่องทรัพย์สิน ภรรยา บุตร และโลกดุนยา จึงไม่มีสถานที่ใดในหัวใจเหลือให้พวกเขาลงมาสถิตอยู่ได้ หากหัวใจของเรานั้นว่างและปลอดโปร่งจากสิ่งต่างๆเหล่านี้ เมื่อนั้น


‎ تَنَزَّلُ الْمَلَائِكَةُ وَالرُّوحُ فِيهَا بِإِذْنِ رَبِّهِم

        ก็จะเกิดขึ้น “บรรดามะลาอิกะฮฺและอัลรูฮฺ (ญิบริล) จะลงมาสถิตในคืนนั้น โดยอนุมัติแห่งพระเจ้าของพวกเขา” ก็จะเกิดขึ้น หากหัวใจของเราไม่ว่างแล้ว การลงมาสถิตของบรรดามะลาอิกะฮฺในค่ำคืนลัยละตุลก๊อดร์ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นจงทำอะไรสักอย่างเพื่อให้บรรดามะลาอิกะฮ์ลงมาสถิตในหัวใจของพวกเรา.

         มัรฮูมมีรซา ญะวาด มาลีกี ตับรีซี่ ได้กล่าวถึงเงื่อนไขของศีลอดที่ถูกต้องว่า:
ริวายัตตที่ 1 ศาสดามุฮัมหมัด(ศ.)กล่าวว่า: “การนินทา, การโกหก, การมองที่ฮะราม, การสาบแช่งและการกดขี่ ไม่ว่าจะเพียงเล็กน้อยหรือมากมายก็ทำให้ศีลอดเป็นโมฆะ และการถือศีลอดก็ไม่ใช่การละเว้นการกินการดื่มเพียงเท่านั้น ในขณะที่กำลังถือศีลอด หู, ตา, ลิ้นและ...จะต้องถือศีลอดด้วยเช่นกัน จงระวังมือและเท้าของเจ้า(ไม่ให้ทำสิ่งผิดบาป) และจงอย่าพูดสิ่งใดเว้นแต่สิ่งที่ดีงาม. และจงปฏิบัติต่อคนรับใช้ของเจ้าอย่างเป็นมิตรและอ่อนโยน จงหลีกห่างจากการทะเลาะวิวาทและทำร้ายคนรับใช้ และจงให้ความสำคัญต่อการถือศีลอดให้มาก จงทำให้ช่วงเวลาที่เจ้าถือศีลอดแตกต่างจากเวลาที่เจ้าไม่ได้ถือ(ให้ดีกว่าเวลาที่ไม่ได้ถือศีลอด)”

ริวายัตที่2 ศาสดามุฮัมหมัด(ศ.)กล่าวว่า:
       “สิ่งที่ง่ายที่สุดที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงทำให้เป็นวาญิบและข้อบังคับสำหรับผู้ถือศีลอดคือการหลีกห่างจากการกินการดื่ม”
         จากวจนะของท่านศาสดา(ศ.)ข้างต้นทำให้การถือศีลอดของผู้คนบางส่วนถูกวินิจฉัยให้ถูกต้องโดยบรรดาฟุกอฮาอฺและผู้เชี่ยวชาญด้านนิติศาสตร์อิสลาม.

          เมื่อนำฮะดีษแรกกับฮะดีษที่สองของท่านศาสดา(ซ.ล.)และคำวินิจฉัยของบรรดาฟุกอฮาอฺมาวิเคราะห์รวมกันแล้ว เราสามารถให้นิยามได้ว่า ความถูกต้องของการถือศีลอดตามฮะดีษแรกหมายถึง “ศีลอดที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงยอมรับ” และความถูกต้องของการถือศีลอดตามฮะดีษที่สองและคำวินิจฉัยของบรรดาฟุกอฮาอฺหมายถึง “ศีลอดที่ไม่ต้องถือชดใช้อีก”.
          สรุปคือ ศีลอดที่ถูกต้องและสมบูรณ์ตามที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้บัญญัติไว้สำหรับมุสลิมย่อมเป็นศีลอดที่อวัยวะต่างๆในร่างกายหลีกเลี่ยงจากความผิดบาปอย่างแน่นอน และศีลอดที่สมบูรณ์กว่านั้นคือศีลอดที่นอกจากการการหลีกเลี่ยงความผิดบาปของร่างกายแล้ว หัวใจก็ยังต้องขจัดสิ่งที่ไม่ใช่การรำลึกต่ออัลลอฮ.(ซ.บ.)ออกไปเช่นกัน และยังเป็นศีลอดที่อดกลั้นจากทุกๆสิ่งที่ไม่ใช่อัลลอฮฺ(ซ.บ.)อีกด้วย เมื่อมนุษย์ได้ทำความรู้จักและเข้าใจตัวตน ฐานันดรและปรัชญาของการถือศีลอดแล้ว เขาจำเป็นที่จะต้องออกห่างจากทุกๆความผิดบาปเพื่อให้ศีลอดของเขานั่นถูกยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  มิเช่นนั้นแล้วเขาจะต้องถูกสอบสวนและต้องรับผิดชอบเพราะอวัยวะต่างๆในร่างกายของเขาไม่ได้ถือศีลอดและจะต้องถูกลงโทษ “ศีลอดที่ไม่ต้องถือชดใช้”ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรอดพ้นการลงโทษในวันกิยามะฮ์


  قِیَامِی فِیهِ قِیَامَ الْقَائِمِینَ

โอ้อัลลอฮฺ โปรดทำให้การกิยามของข้าฯเป็นการกิยามของบรรดากออิมีนด้วยเถิด

 
คุณลักษณะของกออิมีน
         คำว่ากิยามในพจนานุกรมหมายถึงการยืน แต่ในที่นี้จะหมายถึงการลุกขึ้นยืนเพื่อทำนมาซเมื่อเราทำการนมาซในยามค่ำคืน การลุกขึ้นยืนนมาซของเราจะต้องเป็นการลุกขึ้นยืนของบรรดากออิมีนกออิมีนหมายถึงผู้ที่เขาร้องไห้และเรียกหาเพียงเอกองค์อัลลอฮฺ(ซ.บ.)เพราะความเกรงกลัวต่อพระองค์ในนมาซ

         มีรซา อะลี มุฮัดดิษ ซอเดะ บุตรชายคนโตของเชค อับบาส กุมมี ได้เล่าถึงการนมาซศอลาตุลลัยในยามค่ำคืนของบิดาว่า: เมื่อบิดาของฉันได้ทำการนมาซในยามค่ำคืน เขาได้ร้องไห้ออกมาเนื่องจากความเกรงกลัวต่อเอกองค์อัลลอฮฺ(ซ.บ.) เสียงร้องไห้ของเขานั้นดังจนทำให้พวกเราตื่นจากการหลับ

         การนมาซในยามค่ำคืนจะต้องเป็นนมาซที่มาจากความรัก เพราะแม้แต่ไก่ก็ยังทำการนมาซศอลาตุลลัยหากแต่ไร้ซึ่งความรักในหัวใจดังที่นักกวีได้กล่าวว่า


ای مرغ سحر عشق ز پروانه بیاموز

کان سوخته را جان شد و آواز نیامد
ความว่า “โอ้เจ้าไก่เอ๋ย เจ้าตื่นนมาซศอลาตุลลัยในยามรุ่งสาง ทว่าเจ้าหาได้นมาซเพราะรักพระองค์ไม่”

       ดังนั้น โปรดทำให้การกิยามของข้าพเจ้าเป็นการกิยามของบรรดากออิมีน จึงหมายความว่า โปรดทำให้การนมาซของข้าพเจ้าเป็นการนมาซด้วยกับความรักด้วยเถิด เราจะต้องตื่นด้วยตัวของเราเองเพื่อทำนมาซศอลาตุลลัย ไม่ใช่เราจะพึ่งแต่นาฬิกาปลุก เราต้องตื่นด้วยจิตสำนึกของตัวเราเอง นี่แหละคือการนมาซศอลาตุลลัย

 نَبِّهْنِی فِیهِ عَنْ نَوْمَةِ الْغَافِلِینَ؛وَ

และโปรดปลุกข้าพเจ้าให้ตื่นขึ้นจากการหลับไหลของบรรดาผู้ที่เผลอเรอ
 
       หากเราติดอยู่ในวังวนของความหลงลืมและเผลอเรอ ความตายจะย่องเข้ามาพาเราไปโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว มีมนุษย์มากมายที่ทำบาปด้วยความหลงลืม ด้วยความเผลอเรอ ด้วยกับการมองข้าม เพียงเสี้ยววินาทีที่เราทำบาปเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอีกไม่กี่วินาทีต่อมาความตายจะมาหาเรา? พ่อค้าขายนมคนหนึ่งกำลังแอบเทน้ำลงในนมเพื่อที่เขาจะขายได้กำไรมากขึ้น
 
       ทันใดนั้นเองขณะที่เขากำลังเทน้ำอยู่ ความตายก็ได้มาสู่เขาและหัวใจวายตายในที่สุด เราไม่มีทางรู้ว่าเมื่อไหร่ความตายจะมาหาเราและนี่ก็คือความเผลอเรอ ขออัลลอฮฺ(ซ.บ.)ทรงปลุกเราจากการหลับไหลของความเผลอเรอด้วยเถิด

 وَ هَبْ لِی جُرْمِی فِیهِ یَا إِلَهَ الْعَالَمِینَ وَ اعْفُ عَنِّی یَا عَافِیاً عَنِ الْمُجْرِمِینَ؛

โอ้พระผู้อภิบาล ในเดือนรอมฎอนอันจำเริญนี้ขอทรงอภัยโทษให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด

โอ้พระเจ้าผู้ทรงอภัยให้กับบรรดาผู้กระทำผิดบาป
  
สรุปหัวข้อต่างๆที่ได้จากดุอาอฺของวันที่หนึ่งในเดือนรอมฎอน:

1.โอ้ อัลลอฮฺ (ซ.บ.) โปรดทำให้ศีลอดของข้าฯเป็นศีลอดของบรรดาศออิมีนด้วยเถิดหมายถึง ศีลอดที่ในหัวใจของข้าพเจ้าไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากพระองค์ คือศีลอดที่ไม่ใช่เพียงศีลอดธรรมดาทั่วไป.
2. การกิยามของกออิมีน
3. โปรดปลุกฉันให้ตื่นจากหลับไหล เผอเรอ
4.โปรดอภัยในความผิดบาปทั้งปวง
 
“โอ้อัลลอฮฺ (ซ.บ.) โปรดประทานโอกาสให้เราได้อ่านดุอาของวันที่หนึ่งในเดือนรอมดอนและให้เราได้เข้าใจความหมายของมันด้วยเถิดอิลาฮีอามีน”
 
 
 

โพสเมื่อ : 16 เม.ย. 2562,00:00   อ่าน 1269 ครั้ง